พฤติกรรมการเรียนแบบ

พฤติกรรมการเรียนแบบในมนุษย์

      มนูษย์เรานั้นเป็นสัตว์สังคม ซึ่งแน่นอนว่าคนเราต้องการที่จะอยู่เป็นกลุ่ม เป็นสังคมใหญ่ ซึ่งก็มีขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กๆ คือ เป็นคู่ เป็นครอบครัว เป็นหมู่บ้าน ไปจนถึงเป็นสังคมใหญ่ๆระดับประเทศ การคบค้าสมาคมจึงเป็นวิธีการที่ทำให้สังคมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แม้อยู่ต่างถิ่นฐานก็สามารถที่จะคบค้าเป็นสังคมได้เช่นกัน

      การอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะนั้น ถ้าคนเรามีคุณธรรมและจริยธรรมในตัวคงจะไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไรมาบังคับใช้ในการอยู่ร่วมกัน เอาที่เห็นกันชัดๆ คือ ตัวกฏหมาย ของเรานั่นแหละครับ เป้าหมายเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและยุติธรรมในสังคม

      นอกจากการควบคุมด้วยตัวกฏหมายบ้านเมืองแล้ว ในสังคมเรายังมีข้อบังคับตัวอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันเอาอีกมากมาย เช่น จารีต ประเพณี วัฒธรรม ข้อตกลง ฯลฯ ซึ่งถ้ามองดีอย่างลึกซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีอำนาจมากกว่ากฏหมายในทางด้านการควบคุมทางจิตใจเพราะเราได้เรียนรู้มาตั้งแต่เราเกิด พอจะจำความได้เราก็ถูกบ่มเพาะด้วยจารีต ประเพณี ต่างๆนาๆ ของเราเข้าไปเต็มๆแล้ว  ส่วนตัวกฏหมายนั้นเหรอน้อยมากที่เราจะรู้อย่างถ่องแท้ถ้าไม่ไปศึกษาแบบจริงๆจังๆ
   
      ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าคนเรานั้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเป็นอยู่ในสังคมมาตั้งแต่เล็กๆ มาโดยตลอด และต่างพื้นที่ก็จะมีจารีต ประเพณีที่ต่างกันด้วยนะ  แต่มันก็ไม่มากเท่าไหร่ ไปด้วยกันได้ถ้าอยู่ในโซนภูมิประเทศใกล้เคียงกัน

      ถ้ามองเล็กลงไปอีก ในครอบครัวเรา พอตื่นเช้าขึ้นมาเราก็เจอ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย พี่น้อง ลุง ป้า น้า อา ทุกคนล้วนใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงกัน เห็นหน้าคร่าตากันทุกวัน ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เห็นๆกันหมด นี่แหละคือสิ่งเรียนรู้ขั้นปฐมภูมิเลยทีเดียว พฤติกรรมการเรียนแบบเริ่มขึ้นตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา จากบุคคลเหล่านี้ทั้งนั้น เด็กๆ เมื่อเห็นใครทำอะไร เข้าจะพยายามที่จะเรียนแบบคนๆนั้น

     เราเคยสังเกตไหมเวลาเราทำอะไร เด็กๆ หรือลูกๆ จะคอยทำตาม และยังแย่งเราอีกต่างหาก เด็กในช่วงนี้ ก่อนเข้าเรียน ความอยากรู้อยากเห็น สงสัย ใคร่รู้ จะถาโถมเข้ามา เด็กๆวัยนี้จึงพยายามเรียนรู้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
     ถ้า พ่อ แม่ หรือผู็เลี้ยงดู สามารถเข้าใจในจุดนี้เป็นอย่างดี ก็จะสามารถการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็กๆ เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้อย่างเต็มที่และถูกต้อง
     การดุด่า การไม่ให้ทำ แล้วอ้างความปลอดภัยกลัวลูก หลานเลอะ ความคิดนั้นควรจะหยุดไว้ก่อน ถ้าเด็กอยากเรียนรู้อะไรให้เค้าทำ แล้วเราคอยดูอยู่ใกล้ เพื่อไม่ไห้เกิดอันตรายที่มันรุนแรงเท่านั้น เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถสร้างการเรียนรู้ที่ง่ายและอาจจะได้ผลที่ค่อนข้างจะดีมาก
     พัฒนาการที่เด็กได้นอกจากการเรียนรู้ เซลล์สมองที่พัฒนาขึ้น กล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ก็จะพัฒนาขึ้นอีกด้วย
     เราจะเห็นได้ชัดเจนถ้าเรามาตรวจพัฒนาการของเด็ก จากคนที่เลี้ยงลูก หลาน แบบลุยๆกับลูก และแบบการเลี้ยงดูที่เอาใจ ลูกอยากได้อะไรเดี๋ยวแม่จัดให้ ผลออกมาจะแตกต่างกันลิบลับ

    การรักลูกหลาน นั้นไม่ผิด แต่เราควรให้เขาได้เรียนรู้และพัฒนากล้ามเนื้อของเขา เพื่ออนาคตที่ลูกหลานของเราจะได้มีร่างกายที่สมส่วนและพัฒนาการตามวัยของเขา

ความคิดเห็น