ไวโอลิน
_ ชายผู้เดียวดาย ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรี สีไวโอลินด้วยความตั้งใจ ในค่ำคืนที่มีผู้คนมากมายแต่กลับเดียวดายและอ้างว้าง
_ เสียงเพลงแม้จะไพเราะเพียงใด ถ้าไร้ซึ่งผู้ฟัง คงไม่มีความหมายอะไร
ในค่ำคืนหนึ่ง ผมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ ที่ทุกคนเรียกว่า ตลาดไนท์บาซาร์ เป็นค่ำคืนที่มีผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา ช๊อปปิ้ง ตามประสาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ แต่คนส่วนใหญ่ในสถานที่นี้ถ้าไม่นับผู้ประกอบการแล้ว ก็คงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ คนไทยเป็นส่วนน้อยมาก
เรื่องราคาอาหารไม่ต้องพูดถึงครับ แพงมากกว่าตลาดข้างนอกค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นย่านการค้าของชาวต่างชาติก็เป็นได้
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ยืนสีไวโอลินด้วยความตั้งใจ ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อย ผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมาจนนับไม่ถ้วน มีน้อยคนนักที่ได้ยืนฟังอย่างตั้งใจ ผมคนหนึ่งที่ยืนฟังดนตรีอันไพเราะนี้ ผมไม่มีความสามารถและรู้ได้ว่าเขาเล่นอย่างไร สำหรับเครื่องสี ที่ชื่อว่า ไวโอลิน แต่พอได้ฟังกลับทำให้เราหลุดไปอีกมิติหนึ่ง ทั้งที่เสียงผู้คนมากมาย เสียงดังไปทั่วบริเวณนั้น
ผมยืนมองด้วยความตั้งใจและหยิบกล้องของผมขึ้นมาถ่ายเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
เหตุการณ์นี้ ผมได้ตระหนักและครุ่นคิดถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา การมีตัวในท่ามกลางสิ่งที่มีตัว กลับเหมือนไม่มีตัวตนเอาเสียเลย เราเคยตระหนักถึงความมีตัวตนของเราจริงๆไหม ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเคยมีตัวตนจริงไหม
เราเคยอยู่ในห้องเรียนแต่เราหายไปจากสารบบของห้องเหมือนเราไม่มีตัวตน
เราเคยอยู่ในที่ประชุมแต่เราไม่เคยที่จะแสดงความคิดเห็น หรือเรื่องราวมาแชร์ในที่ประชุม เราถูกทิ้งให้เงียบอยู่ในมุมใดมุมหนึ่ง
เราเคยเล่นฟุตบอล แต่เพื่อนไม่เคยจ่ายบอลให้เราเลย ฯลฯ
เรื่องราวเหล่านี้แม้จะเป็นเรื่องง่ายๆ บางครั้งมันเข้าใจยากมาก เรื่องในชั้นเรียนในปัจจุบัน การมีตัวตน เริ่มหายไป เด็กๆหัวปานกลางยาวไปถึงเด็กที่เรียนไม่ดีเลยจะหายไปจากสารบบของห้องเรียนตนเอง ครูจะเค้นเอาแต่นักเรียนหัวกระทิ เอาเด็กเก่ง มาพัฒนาเพื่อเป็นเลิศทางวิชาการ ถ้ามองดูผิวเผิน เหมือนจะทำเพื่อเด็กจริง แต่ถ้ามองลึกเข้าไปอีกกลับเป็นการทำเพื่อครูเอง เพื่อที่จะทำผลงานของครู ในการทำวิทยฐานะของครู แต่เรากลับลืม มองถึงการพัฒนาเด็กส่วนใหญ่ในห้องเรียน เด็กที่มีพรสวรรค์ที่แตกต่างกัน เด็กที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยศักยภาพที่หลากหลายด้าน เค้าอาจจะไม่ดีและเด่นทางวิชาการ แต่เขามีสิ่งที่เค้าถนัดและชำนาญยิ่ง สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เขาจะใช้ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน
หลายครั้งถ้าเรา จดจ่อ ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง งานที่ได้ออกมามันช่างมีคุณภาพและมีคุณค่าในตัวของมันเอง นอกจากจะมีคุณค่าแล้วมันยังทำให้สิ่งที่เราทำนั้นมันมีมูลค่ามหาศาล ทั้งด้านจิตใจและเงินตรา
หลายครั้งในชีวิตเราเคยฝึกสมาธิ ทั้งในวัด สถานปฏิบัติธรรม ต่างๆนาๆ แต่เราไม่เคยเข้าถึงสิ่งที่เราทำเลยสักครั้ง เขาให้ทำก็ทำเพื่อให้จบโครงการเท่านั้น บางคนยิ่งแล้วใหญ่คิดว่าเป็นการซักจูงเข้าลัทธิอะไรไปกันใหญ่ทั้งที่เราไม่เคยศึกษาหรือเข้าใจในสิ่งที่ทำเลย ว่าอะไรคือสิ่งที่มันอยู่นอกจากลัทธิหรือศาสนาที่นับถืออยู่ อะไรที่ทำผิดแปลกไปจากที่เคยทำ ที่นอกไปจากผู้นำทางจิตวิญญาณเคยทำ ทุกอย่างจะถูกมองว่าเป็นเดียรถี อวิชชา นอกศาสนา ฯลฯ
เราไม่สามารถที่จะก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ได้ถ้าเราไม่เข้มแข็งพอ ทั้งทางจิตใจและความคิด ความเชื่อในตัวตน
บางครั้งการเข้าสู่โหมดของการว่างเปล่าจะทำให้เราเข้าสู่โหมดของการรู้ตัว ว่ากำลังทำอะไรและจะทำอะไร ได้ใคร่ครวญอะไรบางอย่าง และจดจ่อ ที่จะทำอะไร
_ ชายผู้เดียวดาย ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรี สีไวโอลินด้วยความตั้งใจ ในค่ำคืนที่มีผู้คนมากมายแต่กลับเดียวดายและอ้างว้าง
_ เสียงเพลงแม้จะไพเราะเพียงใด ถ้าไร้ซึ่งผู้ฟัง คงไม่มีความหมายอะไร
ในค่ำคืนหนึ่ง ผมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ ที่ทุกคนเรียกว่า ตลาดไนท์บาซาร์ เป็นค่ำคืนที่มีผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา ช๊อปปิ้ง ตามประสาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ แต่คนส่วนใหญ่ในสถานที่นี้ถ้าไม่นับผู้ประกอบการแล้ว ก็คงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ คนไทยเป็นส่วนน้อยมาก
เรื่องราคาอาหารไม่ต้องพูดถึงครับ แพงมากกว่าตลาดข้างนอกค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นย่านการค้าของชาวต่างชาติก็เป็นได้
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ยืนสีไวโอลินด้วยความตั้งใจ ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อย ผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมาจนนับไม่ถ้วน มีน้อยคนนักที่ได้ยืนฟังอย่างตั้งใจ ผมคนหนึ่งที่ยืนฟังดนตรีอันไพเราะนี้ ผมไม่มีความสามารถและรู้ได้ว่าเขาเล่นอย่างไร สำหรับเครื่องสี ที่ชื่อว่า ไวโอลิน แต่พอได้ฟังกลับทำให้เราหลุดไปอีกมิติหนึ่ง ทั้งที่เสียงผู้คนมากมาย เสียงดังไปทั่วบริเวณนั้น
ผมยืนมองด้วยความตั้งใจและหยิบกล้องของผมขึ้นมาถ่ายเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
เหตุการณ์นี้ ผมได้ตระหนักและครุ่นคิดถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา การมีตัวในท่ามกลางสิ่งที่มีตัว กลับเหมือนไม่มีตัวตนเอาเสียเลย เราเคยตระหนักถึงความมีตัวตนของเราจริงๆไหม ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเคยมีตัวตนจริงไหม
เราเคยอยู่ในห้องเรียนแต่เราหายไปจากสารบบของห้องเหมือนเราไม่มีตัวตน
เราเคยอยู่ในที่ประชุมแต่เราไม่เคยที่จะแสดงความคิดเห็น หรือเรื่องราวมาแชร์ในที่ประชุม เราถูกทิ้งให้เงียบอยู่ในมุมใดมุมหนึ่ง
เราเคยเล่นฟุตบอล แต่เพื่อนไม่เคยจ่ายบอลให้เราเลย ฯลฯ
เรื่องราวเหล่านี้แม้จะเป็นเรื่องง่ายๆ บางครั้งมันเข้าใจยากมาก เรื่องในชั้นเรียนในปัจจุบัน การมีตัวตน เริ่มหายไป เด็กๆหัวปานกลางยาวไปถึงเด็กที่เรียนไม่ดีเลยจะหายไปจากสารบบของห้องเรียนตนเอง ครูจะเค้นเอาแต่นักเรียนหัวกระทิ เอาเด็กเก่ง มาพัฒนาเพื่อเป็นเลิศทางวิชาการ ถ้ามองดูผิวเผิน เหมือนจะทำเพื่อเด็กจริง แต่ถ้ามองลึกเข้าไปอีกกลับเป็นการทำเพื่อครูเอง เพื่อที่จะทำผลงานของครู ในการทำวิทยฐานะของครู แต่เรากลับลืม มองถึงการพัฒนาเด็กส่วนใหญ่ในห้องเรียน เด็กที่มีพรสวรรค์ที่แตกต่างกัน เด็กที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยศักยภาพที่หลากหลายด้าน เค้าอาจจะไม่ดีและเด่นทางวิชาการ แต่เขามีสิ่งที่เค้าถนัดและชำนาญยิ่ง สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เขาจะใช้ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน
หลายครั้งถ้าเรา จดจ่อ ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง งานที่ได้ออกมามันช่างมีคุณภาพและมีคุณค่าในตัวของมันเอง นอกจากจะมีคุณค่าแล้วมันยังทำให้สิ่งที่เราทำนั้นมันมีมูลค่ามหาศาล ทั้งด้านจิตใจและเงินตรา
หลายครั้งในชีวิตเราเคยฝึกสมาธิ ทั้งในวัด สถานปฏิบัติธรรม ต่างๆนาๆ แต่เราไม่เคยเข้าถึงสิ่งที่เราทำเลยสักครั้ง เขาให้ทำก็ทำเพื่อให้จบโครงการเท่านั้น บางคนยิ่งแล้วใหญ่คิดว่าเป็นการซักจูงเข้าลัทธิอะไรไปกันใหญ่ทั้งที่เราไม่เคยศึกษาหรือเข้าใจในสิ่งที่ทำเลย ว่าอะไรคือสิ่งที่มันอยู่นอกจากลัทธิหรือศาสนาที่นับถืออยู่ อะไรที่ทำผิดแปลกไปจากที่เคยทำ ที่นอกไปจากผู้นำทางจิตวิญญาณเคยทำ ทุกอย่างจะถูกมองว่าเป็นเดียรถี อวิชชา นอกศาสนา ฯลฯ
เราไม่สามารถที่จะก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ได้ถ้าเราไม่เข้มแข็งพอ ทั้งทางจิตใจและความคิด ความเชื่อในตัวตน
บางครั้งการเข้าสู่โหมดของการว่างเปล่าจะทำให้เราเข้าสู่โหมดของการรู้ตัว ว่ากำลังทำอะไรและจะทำอะไร ได้ใคร่ครวญอะไรบางอย่าง และจดจ่อ ที่จะทำอะไร
ก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อการพัฒนา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น