ชีวิตหลังความตาย ( เผ่าม้ง ) บันทึกหน้าที่ 3

ชีวิตหลังความตาย ชาวเผ่าม้ง ป่ากลางฯ

     
        ชีวิตหลังความตาย หลายคนอาจมองว่ามันน่ากลัวแต่ไม่เลยคนที่ตายนั้นไม่สามารถที่จะรับรู้อะไรได้เลย มีแต่สังขารเปล่าของตัวเองที่นอนทิ้งอยู่ในโลงเท่านั้น แต่คนที่จะมีความรู้สึกกลับเป็นผู้ที่อยู่ในโลกนี้ต่อไปกับการอาลัยและการล่ำลาครั้งสุดท้ายของสังขารที่ว่างจากวิญญาณไร้เสียซึ่งความรู้สึกทั้งมวล 
      นี่ก็อาจจะเป็นตอนจบของละครชีวิตของคนๆหนึ่งที่ดำเนินเรื่องมาโดยมีตัวเขาเองเป็นตัวเอกของเรื่องมาโดยตลอด สุดท้ายก็จบลงด้วยการตายของตัวละครเอกนั้น  ละครบางเรื่องก็จบลงด้วยดี บางเรื่องก็จบอย่างแสนเศร้า บางเรื่องก็จบทั้งๆ ที่เขาประนาม บางเรื่องก็จบอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และนี่ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ใครหลายๆ คนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาจบลงอย่างง่ายดาย  วันก่อนเขายังไปส่งลูกชายไปถอนฟันอยู่เลย แต่พอข้ามวันเท่านั้นเขากลับต้องจากลูกจากเมียไปแบบไม่มีวันกลับมาอีกเลย
     
           ในตอนสุดท้ายนี้อาจจะเป็นตอนการจัดงานศพเล็กๆแต่แฝงไปด้วยอะไรที่ยิ่งใหญ่หลายๆอย่าง สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่เพียงงานศพเท่านั้น แต่ผมเห็นอะไรมากกว่านั้นมาก นั่นคือ จารีต ประเพณี วัฒนธรรม ที่ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์ไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ของตนเอง

        สิ่งหนึ่งที่ผมได้ย่างกายเข้าไปในบ้านหลังนี้ทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่างและมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างทำให้ผมต้องเดินเข้าในบ้านผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาให้ถ่ายรูปไหมในระหว่างที่เขากำลังทำพิธีแต่ด้วยอะไรไม่รู้ทำให้ผมต้องหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องถ่ายภาพเก็บไว้ 
        ผมยืนมองผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเก้าอี้ ตอนแรกคนไม่เยอะเท่าคนในภาพนะครับ เขานั่งข้างๆโลงแล้วทำท่าทางลักษณะเหมือนกำลังลูบหน้าหรือทำอะไรบางอย่างกับผู้ตายและก็ร้องไห้  คร่ำครวญอะไรบางอย่าง แล้วสักพักญาติพี่น้องคนอื่นๆ ก็เข้ามาหลังจากนั้นทุกคนเริ่มมีอาการร้องไห้เหมือนกัน ผมยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างกับเสียงร้องนั้น มันเหมือนกับบทสวดมนต์อะไรบางอย่าง มันมีท่วงทำนอง มีจังหวะการหยุดร้อง มีจังหวะการพูดอะไรบางอย่างออกมา ( ภาษาม้ง ) แล้วก็จะสอดรับกับเสียงร้องไห้ของคนที่อยู่ข้างๆ หลังจากการร้องไห้ได้สักพักหนึ่งก็มีคนอีกคนหนึ่งมาเป่า แคนม้ง 
   
  
     ชายคนนี้ ทราบภายหลังจาก ครูประชา ว่าที่จริงแล้วเขาคือหมอแคนที่เป่าสื่อสารกับวิญญาณผู้ตาย คนที่ร้องไห้นั้นเป็นการสั่งเสียหรือการสอนสั่งครั้งสุดท้ายให้กับผู้ตาย ผู้ที่เป่าแคนมีหน้าที่สื่อสารโดยใช้เสียงแคนม้งนี้แหละเป็นสื่อ การเป่านั้นก็จะมีท่วงท่าและทำนองตามแบบฉบับของเขาไป และจะมีเสียงกลองเป็นตัวคุมจังหวะด้วย


    ผมยื่นอยู่นานกับพิธีกรรมนี้เพื่อที่จะดูว่าเขาจะจบลงอย่างไรก็ไม่ได้นานเท่าไหร่ครับ เพราะผมเหลือบไปเห็นสิ่งๆหนึ่งที่ ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมแน่นอนเลยและผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบกล้องมาถ่ายภาพเก็บไว้   ในภาพคือ ไข่วางอยู่ในข้าวสาร 

     ในจำนวนไข่นั้นจะเท่ากับจำนวนคนอยู่ในบ้านหลังนี้เพื่อที่จะเก็บเอาขวัญของคนที่ยังอยู่ในบ้านไม่ให้ไปกับผู้ตายหลังจากที่ทำพิธีฝังแล้ว  ถ้าคนเมืองหรือคนพื้นราบปกติ ก็คงไม่มีให้เห็นแต่จะมีการสู่ขวัญหลังจากที่มีพิธีเผาศพเสร็จแล้ว 
      จากการสอบถามครูปรีชา เล่าว่า เมื่อก่อนนะประมาณสิบกว่าปีผ่านมา แต่น่าจะไม่ถึงสิบปีเท่าที่ผมคาดเดา  ถ้ามีคนตายเขาจะไม่ใส่โลงศพเลยด้วยซ้ำเขาจะนำคนตายใส่เสื้อผ้าแล้วนำมาวางไว้บนแคร่ในบ้านเท่านั้น ย้อนไปอีกก็จะเป็นลานที่เป็นตลาดนัดปัจจุบันของตำบลป่ากลางจะวางไว้อย่างนั้นแหละ แล้วก็จะให้ญาติ พี่น้อง ลูกๆ เมียๆ แม่บ้าน เปลี่ยนกันมาเฝ้าศพ ที่ตั้งอยู่ เมื่อก่อนไม่มีโลงคนที่เฝ้าก็จะมีหน้าที่คอยไล่แมลงวันที่มาตอมศพไปด้วย แต่ในปัจจุบันนี้มีโลงศพ และโลงเย็นแล้ว เขาก็ยังนั่งเฝ้าอยู่ ก็ถือว่ายังไม่ละทิ้งเสียซึ่งประเพณีของตนเอง นับว่าเป็นชนเผ่าที่ยังคงเอกลักษณ์และรักษาซึ่งวัฒนธรรมของตนเองอยู่อย่างเหนียวแน่น

      อีกอย่างหนึ่งที่ผมจะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ชาวเผ่าม้งเขามีภาษาของเขาที่เป็นภาษาพูดด้วยแล้ว เขายังมีภาษาเขียนอีก ซึ่งผมเคยเห็นดิกชั่นนารี ภาษาม้งด้วยและวันนี้ผมก็ได้เห็นภาษาม้งที่เขียนจริงๆ ด้วย
      นี่แหละคือวัฒนธรรมที่ชาวเผ่าม้งยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเขาอย่างเหนียวแน่น และผมคิดว่าเขาน่าจะภูมิใจที่เขาเกิดมาในชนเผ่านี้ของเด็กแต่ละคน และที่สำคัญคือเกิดอยู่ในแผ่นดินของประเทศไทยของเรา ที่มีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กัน เป็นมิตรที่ดีต่อกัน เมื่อก่อนนั้นคนข้างนอกอาจจะมองคนในตำบลป่ากลางไม่ดีมากนักเพราะมีปัญหาเรื่องยาเสพติดค่อนข้างเยอะ แต่ในปัจจุบันนี้ปัญหาต่างๆเหล่านี้คงจะค่อยๆหายไปพร้อมกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มีความพร้อมที่จะพัฒนาในพื้นถิ่นบ้านเกิดของตนเองในอนาคต



ความคิดเห็น