การผลัดเปลี่ยนของสรรพสิ่ง
ทุกวันนี้สิ่งหนึ่งที่คนเรายังไม่ค่อยให้ความสนใจและยังมองข้าม คือการผลัดเปลี่ยนของสรรพสิ่ง ( การเปลี่ยนแปลง ) คนเรายังให้ความสนใจในเรื่องนี้น้อยมากแทบจะไม่ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้
ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะ และดับไปในที่สุด
ทุกวินาที มีการเกิดขึ้นทุกขณะ จากสิ่งใหญ่ๆที่เห็นและจับต้องได้ ไปจนถึงสิ่งที่มีขนาดเล็กไปจนจนถึงคลื่นต่างๆที่อยู่ในโลก ในจักรวาล แน่นอนหล่ะคนเราไม่สามารถที่จะสัมผัสมันได้และไม่ตระหนักถึงมันด้วย
เราจะตระหนักถึงมันก็ตอนที่มันเกิดขึ้นกับตัวเราจริงๆและต้องเป็นสิ่งที่จับต้องได้ด้วยนะ ไม่ว่าทางกายภาพหรือทางความคิดและความรู้สึกของตัวตนของเรา ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดกับเราเราจะไม่พูดถึงมันเลยสักนิด นั่นคือความพลาดพลังของเราในเบื้องต้น ถ้าเราสามารถรับรู้และตระหนักได้ถึงสิ่งเหล่านี้ได้เราก็จะสามารถดำเนินช่วงเวลาของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ซึ่งมีเวลาอันน้อยนิดมากที่เหลืออยู่
การเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตนั้น ถ้าตรึกตรองดูดีๆ ทุกสิ่งมีการเกิดอยู่ตลอดเวลาถ้าเป็นสิ่งไม่มีชีวิตหล่ะก่อเห็นได้ง่ายมาก เริ่มจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นตึก ราง บ้านช่อง ฯลฯ ถ้ามีการเคลื่อนไหวและดำเนินการจะมีการก่อตัวอยู่ตลอดเวลา จนแล้วเสร็จซึ่งก็ยังไม่สมบูรณ์ถ้าความต้องการของเรายังมีอยู่ก็จะมีอะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปชั้นหิน ดิน ทราย เกิดการทับถมของชั้นดิน ของอินทรีย์วัตถุอยู่ตลอดเวลามันก็ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ จนไปถึงเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นในชั้นดิน มีพืชเกิดขึ้นอะไรหลายๆอย่าง ถ้าจะยกตัวอย่างการเกิดแล้วมีนับไม่ถ้วน แต่การเกิดนั้นก็เป็นเพียงสิ่งที่เรียกว่าการเริ่มต้นเท่านั้นเอง
หลังจากที่หลายสิ่งมีการเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่จะดำเนินต่อมาก็คือการตั้งอยู่ของสิ่งนั้น มีช่วงเวลาที่น้อยนิดสำหรับการตั้งอยู่เพราะในหว่างที่มันคงอยู่นั้น มันจะมาพร้อมกับความเสื่อมสภาพของตัวมันเอง คนเราก็เช่นกันทุกวันมีแต่จะเสื่อมลงไปทุกขณะ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ พอสภาวะการเสื่อมถึงที่สุดเมื่อไหร่สิ่งที่ตามก็คือการมลายสิ้น
เราอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า ทุกสิ่งคืนสู่ธรรมชาติ หลายคนกล่าวไว้ เรามายังไงเราก็ไปอย่างนั้น ไม่ว่าอะไรก็ตาม อาคารบ้านเรือนทำมาจากหิน ทราย ปูน สุดท้ายก็ย่อยสลายกลายเป็น หิน ทราย ปูน คือกัน ที่จะต่างกันก็แค่เวลาในการย่อยสลายเท่านั้น คนเราสุดท้ายก็กลายเป็นเถ่าถ่านกลับคืนสู่ผืนดินอันกว้างใหญ่
ทุกวันนี้สิ่งหนึ่งที่คนเรายังไม่ค่อยให้ความสนใจและยังมองข้าม คือการผลัดเปลี่ยนของสรรพสิ่ง ( การเปลี่ยนแปลง ) คนเรายังให้ความสนใจในเรื่องนี้น้อยมากแทบจะไม่ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้
ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะ และดับไปในที่สุด
ทุกวินาที มีการเกิดขึ้นทุกขณะ จากสิ่งใหญ่ๆที่เห็นและจับต้องได้ ไปจนถึงสิ่งที่มีขนาดเล็กไปจนจนถึงคลื่นต่างๆที่อยู่ในโลก ในจักรวาล แน่นอนหล่ะคนเราไม่สามารถที่จะสัมผัสมันได้และไม่ตระหนักถึงมันด้วย
เราจะตระหนักถึงมันก็ตอนที่มันเกิดขึ้นกับตัวเราจริงๆและต้องเป็นสิ่งที่จับต้องได้ด้วยนะ ไม่ว่าทางกายภาพหรือทางความคิดและความรู้สึกของตัวตนของเรา ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดกับเราเราจะไม่พูดถึงมันเลยสักนิด นั่นคือความพลาดพลังของเราในเบื้องต้น ถ้าเราสามารถรับรู้และตระหนักได้ถึงสิ่งเหล่านี้ได้เราก็จะสามารถดำเนินช่วงเวลาของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ซึ่งมีเวลาอันน้อยนิดมากที่เหลืออยู่
การเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตนั้น ถ้าตรึกตรองดูดีๆ ทุกสิ่งมีการเกิดอยู่ตลอดเวลาถ้าเป็นสิ่งไม่มีชีวิตหล่ะก่อเห็นได้ง่ายมาก เริ่มจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นตึก ราง บ้านช่อง ฯลฯ ถ้ามีการเคลื่อนไหวและดำเนินการจะมีการก่อตัวอยู่ตลอดเวลา จนแล้วเสร็จซึ่งก็ยังไม่สมบูรณ์ถ้าความต้องการของเรายังมีอยู่ก็จะมีอะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปชั้นหิน ดิน ทราย เกิดการทับถมของชั้นดิน ของอินทรีย์วัตถุอยู่ตลอดเวลามันก็ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ จนไปถึงเกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นในชั้นดิน มีพืชเกิดขึ้นอะไรหลายๆอย่าง ถ้าจะยกตัวอย่างการเกิดแล้วมีนับไม่ถ้วน แต่การเกิดนั้นก็เป็นเพียงสิ่งที่เรียกว่าการเริ่มต้นเท่านั้นเอง
หลังจากที่หลายสิ่งมีการเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่จะดำเนินต่อมาก็คือการตั้งอยู่ของสิ่งนั้น มีช่วงเวลาที่น้อยนิดสำหรับการตั้งอยู่เพราะในหว่างที่มันคงอยู่นั้น มันจะมาพร้อมกับความเสื่อมสภาพของตัวมันเอง คนเราก็เช่นกันทุกวันมีแต่จะเสื่อมลงไปทุกขณะ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ พอสภาวะการเสื่อมถึงที่สุดเมื่อไหร่สิ่งที่ตามก็คือการมลายสิ้น
เราอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า ทุกสิ่งคืนสู่ธรรมชาติ หลายคนกล่าวไว้ เรามายังไงเราก็ไปอย่างนั้น ไม่ว่าอะไรก็ตาม อาคารบ้านเรือนทำมาจากหิน ทราย ปูน สุดท้ายก็ย่อยสลายกลายเป็น หิน ทราย ปูน คือกัน ที่จะต่างกันก็แค่เวลาในการย่อยสลายเท่านั้น คนเราสุดท้ายก็กลายเป็นเถ่าถ่านกลับคืนสู่ผืนดินอันกว้างใหญ่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น