มายาคติ : พฤติกรรมสมอง
ในชีวิตประจำวันเราเคยได้ยินคำว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อย" ซึ่งสำนวนนี้มีมานานหลายร้อยปีแล้ว แสดงให้เห็นว่าคนในยุคนั้นได้มีการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมสมองมานานแล้ว แต่อยู่ในส่วนของนักปรัชญา ไม่ได้เน้นเรื่องวิทยาศาสตร์เพราะวิทยาศาสตร์ยังไม่ก้าวหน้าในยุคนั้น
ลองมาดูเหตุการณ์หนึ่งในเรื่อง สามก๊ก ว่าเขาเรียนรู้เรื่องพฤติกรรมสมองอย่างไร เริ่มกันเลยครับ
เหตุการณ์นี้ผมอาจจะจำตัวละครไม่ได้นัก ลองดูครับ
เหตุการณ์มีอยู่ว่า สถานการณ์ของกองทัพเล่าปี่เริ่มขาดแคลนอาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกธนู ซึ่งหายากมากๆ แต่ในขณะนั้น ขงเบ้ง ได้อาสาที่จะไปหาลูกธนูมาให้เล่าปี่ ซึ่งจำนวนที่ขงเบ้งบอกไปกับเล่าปี่นั้นจำนวนไม่น้อยเลย ซึ่งถ้าทำมือคงไม่ไหว แต่ด้วยที่ ขงเบ้ง เป็นนักปรัชญาคนหนึ่งในยุคนั้น ที่ฉลาดคนหนึ่ง เขาเข้าใจแม้กระทั่งสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้น เมื่อเห็นอย่างนั้น ขงเบ้ง เลยให้ทหารจัดแต่งหุ่นฟางจำนวนมากขึ้น แล้วนำไปผูกติดกับเรือไว้ แล้วอาศัยหมอกที่ลงจัดในวันที่คำนวณไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาก็ให้ทหารในเรือแต่ละลำก็พายเรือไปใกล้กับบริเวณกองทัพของโจโฉ ตีฆ้องร้องป่าว เพื่อยั่วยุทหารฝ่ายตรงข้าม เมื่อทหารฝ่ายโจโฉเห็นกองเรือวิ่งเข้ามา ด้วยความที่อยากต้องการเอาชนะ ก็ระดมยิงธนูใส่หมายจะเผด็จศึกโดยเร็ว เมื่อลูกธนูถูกยิงเข้ามา ถูกกับหุ่นฟางและตัวเรือเป็นจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าได้อาวุธพอกับจำนวนที่ว่าไว้แล้ว ก็สั่งให้ทหารถอยเรือกลับค่าย พร้อมกับเก็บลูกธนูไปถวายเล่าปี่ เล่าแค่นี้พอนะครับ
จากเหตุการณ์เราจะเห็นได้ว่า ขงเบ้ง ได้เข้าใจและเรียนรู้ถึงพฤติกรรมสมองของ โจโฉ มาเป็นอย่างดี ว่าเขาต้องการอะไร และเป็นคนอย่างไหน แล้วอาศัยตรงนั้นมาเป็นกลยุทธ์เพื่อที่จะเอาชัยชนะ "เมื่อเขาต้องการชัยชนะ ก็หยิบยื่นสถานการณ์ที่เขาคิดว่าจะชนะให้เขาได้เล่น แล้วคอยดูอยู่ห่างๆ ด้วยความสนุกสนาน ในสิ่งที่เขากำลังทำ"
เราเอาเหตุการณ์นี้มาพูดในเรื่องของการศึกษากันบ้างนะครับ ว่าเราจะใช้พฤติกรรมสมองนี้อย่างไร
เรื่องของ เด็กๆ ก่อนนะครับ เมื่อครูสามารถที่จะรู้ถึงความต้องการของนักเรียนได้มากเพียงใด ครูก็สามารถที่จะดึงเอาความสนใจนั้นมาจัดกระบวนการเรียนการสอนให้เข้ากับตัวนักเรียนได้ โดยการใช้กระบวนการเรียนแบบ PBL แล้วสร้างเวทีให้นักเรียนได้แสดงความสามารถในสิ่งที่เขาต้องการแล้วอำนวยการให้เขาอย่างเหมาะสมกับวัย การดึงเอาจุดนี้มาจัดการศึกษาก็จะทำให้นักเรียนเกิดการเรียนมากขึ้น เกิดองค์ความรู้ใหม่มากขึ้น
การใช้ ชีวิต ในปัจจุบัน คนเราถูกครอบงำด้วยพฤติกรรมนี้โดยไม่รู้ตัว การศึกษาตนเอง การรู้จักตนเอง หน้าที่ ของตนเอง กับถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องของคนอื่นกลับถูกมองว่าสำคัญกว่า ( เขาจะทำอะไร , มันไปทำอะไรมา , เขาจะไปไหน ) จนลืมหน้าที่ของตนเอง สิ่งที่ตนเองจะต้องทำ สิ่งที่ตนเองจะต้องพัฒนา จนบางคนอ่อนแอ ตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
=> บางคนใช้ตรรกะ นี้มาเป็นช่องในการทำงาน สิ่งที่แสดงออกมา คือ การประจบ สอพลอ การจับผิด เป็นต้น คนที่ทำอาจจะได้ผลเป็นบางเวลาเท่านั้น แต่ก็จะไม่คงทนเพราะมันเป็นของไม่จริง แต่ที่น่าตกใจการกระทำนี้กลับถูกนำมาใช้ในปัจจุบันอย่างมากมาย
=> การพัฒนาที่แท้จริง การทำงานอย่างจริงจัง พัฒนาความรู้ของตนเองอยู่ตลอดเวลาด้วยความคิดที่สร้างสรรค์และหลากหลาย ทั้งที่ทั้งหมดนี้ควรจะถูกนำมาใช้กลับกลายเป็นส่วนน้อยมากในแต่ละองค์กร แต่ยังดีที่มีคนศรัทธาที่จะทำ เพราะเขาเชื่อมั่นในความจริงและของจริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น