การตีกลองบูชา ( ตี๋กล๋องปู๋จา )
ศิลปะพื้นบ้านทางภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดน่าน จะมีการตีกลองปู๋จาเมื่อใกล้ถึงถึงวันพระ (วันศีล) ในวันขึ้น/แรม 7 ค่ำ และ ขึ้น/แรม 14 ค่ำ จะมีการตี๋กล๋องปู๋จา (ตีกลองบูชา) เพื่อเป็นพุทธบูชา ทั้งยังเป็นการสัญญาณบ่งบอกว่าพรุ่งนี้แล้วจะเป็นวันพระ (ขึ้น/แรม 8 ค่ำ และ ขึ้น/แรม 15 ค่ำ) เพื่อเตรียมของมาทำบุญใหญ่ที่วัด ร่วมกันทุกหลังคาทั้งหมู่บ้าน
ท่วงทำนอง
ท่วงทำนองจะตีอยู่ 2 จังหวะ คือ
1. ตี๋กล๋องข้าวปู๋จา จะเป็นการตีที่เป็นจังหวะช้าๆ เป็นวรรคตอน 1 บท จะมีอย่างน้อยประมาณ 3 ตอน การลั่นฆ้อง จะมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ
- ฆ้องขาน จะเป็นฆ้องใหญ่ ใช้ตีคุมจังหวะ เมื่อมีการลงกลองใหญ่ทุกๆ 3 ครั้ง ฆ้องขานจะตี 1 ครั้ง
- ฆ้องเล็กหลั่นกันไปจะตีตามจังหวะการลงกลองใหญ่ไปเรื่อยๆ จนจบตอน ฆ้องทุกอันจะหยุดตี
การตีฉาบ จะตีคุมจังหวะไปเรื่อยๆ จนจบบท ( จังหวะส่วนมากจะเป็น แฉะ แฉ่ง แฉง แฉะ , แฉะ แฉะ แฉ่ง แฉง แฉะ จะประมาณนี้ )
2. ตี๋กล๋องล่องน่าน จังหวะการตีกลองล่องน่าน จะมีจังหวะที่เร็ว ฟังแล้วสนุก คนส่วนใหญ่จะชอบ
การตีฆ้อง จะมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ
- ฆ้องขาน จะเป็นฆ้องใหญ่ ใช้ตีคุมจังหวะ เมื่อมีการตีฆ้องรองทุกๆ 3 ครั้ง ฆ้องขานจะตี 1 ครั้ง
- ฆ้องรอง จะมีขนาดรองมาจากฆ้องขาน อาจะมีหลายลูกแล้วแต่สะดวกและจำนวนคนที่ตี การตีจะฟังฆ้อง เล็ก ตีครบ 3 ครั้ง ฆ้องเหล่านี้ก็จะตี 1 ครั้ง ไปเรื่อยๆ
- ฆ้องเล็ก จะมี 2 ลูก จังหวะการตี จะตีสลับกันไปเรื่อยๆ ด้วยจังหวะที่คงที่ ไม่ช้าไม่เร็ว แต่จะเริ่มแร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อย คนตีจะต้องสังเกตคนตีกลองด้วย ( เสียงจะประมาณ ม้อง แหม่ง , ม้อง แหม่ง ไปเรื่อยๆ )
** จังหวะการตีกลองเรียกคน จะตีตอนใกล้จะทำบุญแล้ว เพื่อให้สัญญาณว่าคนส่วนใหญ่ได้มาเกือบพร้อมแล้วที่วัด
การตีกลองชนิดนี้ ใช้อุปกรณ์เพียงไม้แซ่ เท่านั้น คนตีก็จะตีกลองไป คนที่ตีแซ่ ก็จะตีไปที่กลองใหญ่ คุมจังหวะไปเรื่อยๆ จังหวะจะเร็วมาก เหมือนการเร่งฝีเท้าในการเดิน
ศิลปะพื้นบ้านทางภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดน่าน จะมีการตีกลองปู๋จาเมื่อใกล้ถึงถึงวันพระ (วันศีล) ในวันขึ้น/แรม 7 ค่ำ และ ขึ้น/แรม 14 ค่ำ จะมีการตี๋กล๋องปู๋จา (ตีกลองบูชา) เพื่อเป็นพุทธบูชา ทั้งยังเป็นการสัญญาณบ่งบอกว่าพรุ่งนี้แล้วจะเป็นวันพระ (ขึ้น/แรม 8 ค่ำ และ ขึ้น/แรม 15 ค่ำ) เพื่อเตรียมของมาทำบุญใหญ่ที่วัด ร่วมกันทุกหลังคาทั้งหมู่บ้าน
ท่วงทำนอง
ท่วงทำนองจะตีอยู่ 2 จังหวะ คือ
1. ตี๋กล๋องข้าวปู๋จา จะเป็นการตีที่เป็นจังหวะช้าๆ เป็นวรรคตอน 1 บท จะมีอย่างน้อยประมาณ 3 ตอน การลั่นฆ้อง จะมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ
- ฆ้องขาน จะเป็นฆ้องใหญ่ ใช้ตีคุมจังหวะ เมื่อมีการลงกลองใหญ่ทุกๆ 3 ครั้ง ฆ้องขานจะตี 1 ครั้ง
- ฆ้องเล็กหลั่นกันไปจะตีตามจังหวะการลงกลองใหญ่ไปเรื่อยๆ จนจบตอน ฆ้องทุกอันจะหยุดตี
การตีฉาบ จะตีคุมจังหวะไปเรื่อยๆ จนจบบท ( จังหวะส่วนมากจะเป็น แฉะ แฉ่ง แฉง แฉะ , แฉะ แฉะ แฉ่ง แฉง แฉะ จะประมาณนี้ )
2. ตี๋กล๋องล่องน่าน จังหวะการตีกลองล่องน่าน จะมีจังหวะที่เร็ว ฟังแล้วสนุก คนส่วนใหญ่จะชอบ
การตีฆ้อง จะมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ
- ฆ้องขาน จะเป็นฆ้องใหญ่ ใช้ตีคุมจังหวะ เมื่อมีการตีฆ้องรองทุกๆ 3 ครั้ง ฆ้องขานจะตี 1 ครั้ง
- ฆ้องรอง จะมีขนาดรองมาจากฆ้องขาน อาจะมีหลายลูกแล้วแต่สะดวกและจำนวนคนที่ตี การตีจะฟังฆ้อง เล็ก ตีครบ 3 ครั้ง ฆ้องเหล่านี้ก็จะตี 1 ครั้ง ไปเรื่อยๆ
- ฆ้องเล็ก จะมี 2 ลูก จังหวะการตี จะตีสลับกันไปเรื่อยๆ ด้วยจังหวะที่คงที่ ไม่ช้าไม่เร็ว แต่จะเริ่มแร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อย คนตีจะต้องสังเกตคนตีกลองด้วย ( เสียงจะประมาณ ม้อง แหม่ง , ม้อง แหม่ง ไปเรื่อยๆ )
** จังหวะการตีกลองเรียกคน จะตีตอนใกล้จะทำบุญแล้ว เพื่อให้สัญญาณว่าคนส่วนใหญ่ได้มาเกือบพร้อมแล้วที่วัด
การตีกลองชนิดนี้ ใช้อุปกรณ์เพียงไม้แซ่ เท่านั้น คนตีก็จะตีกลองไป คนที่ตีแซ่ ก็จะตีไปที่กลองใหญ่ คุมจังหวะไปเรื่อยๆ จังหวะจะเร็วมาก เหมือนการเร่งฝีเท้าในการเดิน
ในวีดีโอ คือทำนองล่องน่าน แบบร่วมสมัยกลายๆ
การตีกลองปู๋จา นั้นต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างมาก ต้องฝึกฝนด้วยกันบ่อยๆ จังหวะถึงจะรับกันและฟังดูไพเราะ จังหวะจะไปด้วยกันไม่เร็ว ไม่ช้าเป็นช่วง
อีกอย่างการตีกลองปู๋จา เป็นการออกกำลังกายที่ดีมากๆ ลงตีทีไรมักจะได้เหงื่อทุกครั้งไป
น้อยสะเติน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น